ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2021

Remarketing กับ Retargeting ความเหมือนที่แตกต่าง

  Remarketing กับ Retargeting  จัดว่าเป็นรูปแบบการซื้อโฆษณาออนไลน์  ที่เป็นงานโฆษณาประเภทที่มีประสิทธิภาพสูง ถ้าพูดถึงเรื่องเทคนิคการลงโฆษณาออนไลน์แบบขั้นสูงนั้น แน่นอนว่าสายงานด้านการตลาดดิจิทัลต้องรู้จักคำนี้อย่างแน่นอน แต่ใครหลายๆ คน ก็มักจะคิดว่า 2 คำนี้มีความหมายที่คล้ายกัน ทำงานเหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างกัน แต่แท้จริงแล้ว.. 2 คำนี้ แตกต่างกันอย่างมากเลยล่ะค่ะ  สำหรับบทความในวันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ ว่า Remarketing กับ Retargeting เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร  - Remarketing Remarketing เป็นการตลาดแบบติดตาม คือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้ามายังเว็บไซต์ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้า เราจะทำการติดตามลูกค้าด้วยรูปแบบสื่อโฆษณาที่ไปโผล่ยังเว็บไซต์อื่นๆ ในลักษณะของ Banner หรือในช่องทางการค้นหาต่างๆ โดยเก็บข้อมูลจากผู้ที่สนใจมาทำการตลาดซ้ำอีกครั้ง และนำข้อมูลไปใช้ติดตามความสนใจ พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อนำไปสู่การปิดการขายให้ได้นั่นเองค่ะ  โดย Remarketing จะทำให้คุณจัดวางตำแหน่งของโฆษณาที่แสดงต่อกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างมีกลยุทธ์ และเหมาะสม การทำ ...

SEO และ SEM คืออะไร

  ในการทำธุรกิจออนไลน์ การทำเว็บไซต์เป็นสิ่งที่สำคัญ เปรียบเสมือนเป็นหน้าต่างของบ้านเลยทีเดียว และเมื่อเรามีเว็บไซต์เป็นของตัวเองแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือ การโปรโมทเว็บไซต์นั่นเอง ช่องทางการสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง Google และใครๆ ก็ต้องการที่ครองอันดับต้นๆ กันทั้งนั้น  สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึง SEO และ SEM กันค่ะ แน่นอนว่าหลายๆ คนต้องคุ้นหูกันอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่กำลังมาแรง และเป็นที่น่าสนใจมากๆ แต่ 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร นำไปใช้แบบไหน และเหมาะกับธุรกิจของเราหรือไม่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ  - SEM  ย่อมาจากคำว่า Search Engine Marketing คือ รูปแบบการทำการตลาดบน Search Engine ที่นิยมมากที่สุดก็คือ Google นั่นเอง เป็นการทำในรูปแบบของการจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา โดยใช้วิธีการซื้อ keyword คำที่ต้องการให้ค้นหาสินค้าหรือบริการของเรา จะมีการเรียกเก็บเงินตามจำนวนคลิกเว็บไซต์  สำหรับการทำ SEM เห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาอันสั้นในการติดอันดับบน Google และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ตามมาก็คือค่าใช้จ่ายนั่นเ...

กลุ่มขายออนไลน์ 5 กลุ่ม สะท้อนทิศทางตลาด E-Commerce ในอนาคต

 ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้บริโภคอีกต่อไป และมีการเติบโตน่าสนใจ จนใครหลายคนสามารถสร้างรายได้จากการเป็น ‘พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์’ ได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด กำไรมหาศาล จาก Online Seller Archetypes ของ Sea (Group) ที่ได้สำรวจผู้ค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มช้อปปี้ราว 42,000 ราย จากทั้งหมด 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ประเทศไทย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย พบว่า พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มแม่บ้าน-พ่อบ้าน 2. กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา 3. กลุ่มผู้ประกอบการมืออาชีพจากโลกออฟไลน์ 4. กลุ่มทำอาชีพเสริมคู่งานประจำ 5. กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์มืออาชีพ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีการใช้งาน E-Commerce เพื่อตอบโจทย์ความจำเป็นที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกลุ่มเหล้านี้กันค่ะ ว่า แต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมที่สะท้อนถึงทิศทางของตลาด E-Commerce ในอนาคอย่างไรได้บ้าง 1. กลุ่มแม่บ้าน-พ่อบ้าน กลุ่ม The Homemaker เกือบทั้งหมดเป็นคุณแม่ในช่วงวัย 30 ที่รับหน้าที่ดูแลบ้าน และความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัวเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 4 คน โดย 60% ของ The Homemaker ระบุว่า การค้าขายผ่านอีคอมเ...

เผยผลลัพธ์กลยุทธ์ Organic Marketing ไปกับซีรี่ย์ Squid Game

แน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ซีรีส์เรื่อง   Squid Game จาก Netflix สร้างโดยผู้กำกับชื่อดัง Hwang Dong-hyuk   จากประเทศเกาหลี และยังติดเป็น Top 3 ซีรีส์ / หนังที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย และก็น่าจะติดอยู่ในลิสต์ของอีกหลายประเทศทั่วโลกด้วย  แต่สิ่งที่น่าสนใจและเรียนรู้ได้จากซีรีส์  Squid Game  ก็คือ  ‘กลยุทธ์การตลาด’  How to ในการโปรโมตซีรีส์ หรือทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างถือว่าเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว โดยนักการตลาดหลายคน หนึ่งในนั้นคือ Deniz Anic ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลและเทคโนโลยี ทั้งยังเป็น brand partnerships lead กับ TikTok ด้วย ได้ยกตัวอย่างสิ่งที่เรียนรู้จากซีรีส์เรื่องนี้ เขามองว่ามันเป็น Organic Marketing หรือ Organic Traffic ซึ่งเกิดจากความสนใจ การคลิกดู และเกิดผลลัพธ์จากการค้นหาจริงๆ ไม่ใช่จากการซื้อโฆษณา  ด้วยกลยุทธ์แบบ Word-of-mouth  นับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังมากสำหรับนักการตลาด และธุรกิจ ทั้งยังมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ในการโฆษณา อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า TikTok สร้างกา...

SEO Content เขียนอย่างไร จึงจะติดอันดับ ?

  การเขียน SEO Content จะทำให้บทความของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยให้บทความของคุณติดอันดับบน Google ทำให้มีคนค้นหาเว็บไซต์ และบทความของคุณเจอเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกันค่ะ ว่าควรต้องทำอย่างไรบ้าง ? 1. กำหนด Keyword  สำหรับการเขียน SEO Content นั้นต้องมีการกำหนด Keyword ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบทความที่เราเขียน โดยต้องวิเคราะห์ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะมาอ่านบทความของเราเป็นใคร และเขาจะใช้ Keyword อะไรในการค้นหา และอย่าลืมว่า Keyword มี่เราเลือกใช้ต้องมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ประมาณหนึ่งด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ก่อนอื่นเราต้องดูว่าประเด็นที่เราจะเขียนนั้นคืออะไร เราสามารถนำประเด็นนั้นมาเป็น Keyword ตั้งต้นได้ เช่น การตลาดวันละตอนจะเขียนเรื่อง กลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ Keyword ที่เหมาะสมก็คือ กลยุทธ์การตลาด หรือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เป็นต้น 2. ใส่ Keyword ให้ถูกตำแหน่ง การใส่ Keyword ควรแทรกให้กระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ของบทความ แต่ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราเป็นพวกสแปมคีย์เวิร์ดได้  ปกติแล้ว SEO Content จะมีความยาว...

แนวความคิดของ John Mueller เกี่ยวกับการจัดอันดับ SEO

นอกจากนี้ หากใครอยากจะฟังเรื่องราวฉบับเต็มกับ John Mueller สามารถรับชมต่อได้ที่รายการพอดแคสต์ Google’s Search Off the Record กันได้เลยค่ะ John Mueller คือผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ Webmaster Trend (Webmaster Trends Analyst) ของ Google  กล่าวในรายการพอดแคสต์ Google’s Search Off the Record ถึงเรื่องของส่วนสำคัญของการจะทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพที่ดีหรือติดไปอยู่ในหน้าแรกได้นั้น เราไม่ควรมองว่ามันเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่จะมีคำตอบเพียงแค่ถูกกับผิด และด้วยแนวคิดนี้นี่เอง ที่ทำให้เขาได้ค้นพบสิ่งสำคัญ  สำหรับแนวคิดของ John Mueller ที่เขามักใช้เมื่อพูดถึงเรื่องการจัดอันดับ ก็คือ 1. SEO ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ 2.  สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และเขายังได้กล่าวอีกว่า  “ผมคิดว่า มันสำคัญมากที่จะต้องจำไว้ในความจริงที่ว่าไม่มีหลักการเฉพาะเจาะจงใดเพียงหลักการเดียวที่ส่งผลต่อการจัดอันดับสำหรับการทำ SEO ดังนั้นไม่ใช่ว่าทุกเว็บไซต์จะต้องทำสิ่งเดียวกัน ทำแบบเดียวกัน หรือทำวิธีการเดียวกัน แต่มีหลายวิธีในการไปถึงที่นั่น เป้าหมายของคุณ และคุณก็ไม่ต้องทดลองสุ่มทำตามเพียงปัจจัยอันดับหนึ่ง...

ความแตกต่างระหว่าง SEO กับ Adwords

แต่อย่าลืมว่าการที่จะให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ นั้น ต้องมีการอัพเดทข้อมูลบ่อย ๆ อย่าง SEO ใช้ระยะเวลานานในการทำก็มีโอกาสที่จะอัพเดทข้อมูลเรื่อย ๆ ปรับปรุงและพัฒนาอยู่สม่ำเสมอ หากติดอันดับต้น ๆ แล้ว มีความเป็นไปได้ยากที่อันดับจะร่วงลงมาไม่เสียค่าใช้จ่ายต่อคลิ๊กด้วย ส่วน Adwords เสียค่าใช้จ่ายเพื่อติดอันดับ แต่ความน่าเชื่อถือน้อยกว่า SEO และยังต่อเสียค่าใช้จ่ายต่อคลิ๊กอีกด้วย หากขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ แล้วมีคนเข้าชมเว็บเป็นจำนวนหลายคลิ๊กค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบให้เห็นกันอย่างนี้แล้วลองตัดสินใจและกลับไปทบทวนดูว่าแบบไหนคุ้มค่ามากกว่ากัน  ความแตกต่างระหว่าง SEO กับ Adwords การทำธุรกิจบนเว็บไซต์ มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน นั่นก็คือการขายสินค้าของตนเองให้ได้ จึงมีหลากหลายมีวิธีที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณนั้นมีผู้เข้าใช้บริการ เราจึงแยกความแตกต่างระหว่าง SEO กับ Adwords ให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจว่าสิ่งไหนเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณมากที่สุด SEO คือ การจัดอันดับเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆของการ Search Engine จาก Google,Yahoo,Bing โดยเว็บไซต์นั้น จะต้องกำหนด Keywor...

เทคนิคการทำ SEO ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมของคนยุคใหม่

  เชื่อว่าทุกๆ ท่านที่ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ที่มีเว็บไซต์จะต้องรู้จักคำว่า "SEO" หรือ Search Engine Optimize อย่างแน่นอน เพราะเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราขึ้นไปติดอันดับการค้นหาในหน้าแรกของ Google นั่นเอง ดังนั้นการทำ SEO จึงสำคัญมาก ยิ่งเว็บไซต์เราติดหน้าแรก และมีคนดูมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อยอดขาย/ธุรกิจเรามากขึ้นเท่านั้น  การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ให้สำเร็จนั้น ต้องเข้าใจปัจจัยทั้งภายใน และภายนอกที่อาจส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ แต่การทำ SEO จริงๆ นั้นไม่มีสูตรที่ตายตัว เพราะแต่ละแบรนด์ แต่ละธุรกิจนั้น  มีการใช้ SEO ที่ไม่เหมือนกันเพียงแค่คล้ายๆ กันเท่านั้น แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ SEO ต้องเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการจะสื่อสาร  สิ่งที่จะช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพขึ้น สำหรับยุคนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ keyword ที่เราใช้ค้นหาเพียงอย่างเดียว สำหรับวันนี้เราได้นำสิ่งที่นักวิเคราะห์ได้แนะนำเทคนิคการทำ SEO ที่ Google จะชอบ โดยมี 3 หลักการด้วยกัน และส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่การวิเคราะห์พฤติกรรมของคนในยุคนี้ 1. โฟกัสที่การทำ R...

การทำการตลาดแบบ Omni Channel

ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้ได้ หัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย นั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อย่างชัดเจน คำว่า Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า "Omni Channel" คือ ช่องทางการสื่อสาร และบริการลูกค้าที่หลากหลาย เพื่อเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่าย และรวดเร็ว  Omni Channel เป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งการเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดลู...

How to sell products during the economic downturn (จะขายสินค้าอย่างไร ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำลง)

ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เพราะเนื่องมีผลกระทบจาก COVID-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลายๆบริษัททั้งขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ได้นำมาตรการต่างๆมาใช้จัดการกับปัญหา เช่น ลดคนงาน ลดวันทำงาน หรือตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก แต่ไม่ได้หมายความว่ากิจการขนาดเล็กอย่าง SME ต้องลดการขายไปด้วย คุณยังคงสามารถขายสินค้าในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สักหน่อย 1. เปลี่ยนความคิดตนเอง พยายามมองไปในทิศทางบวกมากขึ้น เนื่องมีผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้หลายๆคนไม่สามารถออกไปช้อปปิ้งตามสถานที่ต่างๆได้ เราก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยที่มาเปิดขายที่หน้าร้านออนไลน์แทน ขายผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ เช่น Facebook, IG, Tiktok และอื่นๆอีกมากมาย คุณอย่าไปมองว่าคุณหมดหนทางในการขายของ แต่ให้มองในช่องทางใหม่ๆในการขายเพิ่มมากขึ้น 2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เป็น อย่าคิดว่าจะขายให้ใครก็ได้ หากคุณคิดแบบนี้แปลว่าคุณไม่รู้จะขายให้ใคร ลูกค้าไม่ได้หมายถึงทุกคน แต่หมายถึงกลุ่มคนที่ตอบโจทย์โดยตรงกับสินค้าของคุณมากที่สุด เช่น สินค้าของคุณคือผ้าอ้อมของเด็กวัยแรกเกิด กลุ่มเป้าหมายของคุณก็คือคุณแม่มือใหม่ ถ้าหากคุณเลือกไปข...

BoomTharis เผยความท้าทายการทำ VDO Content

  นาทีนี้ต้องบอกว่าเขาคือชายหนุ่มที่ Hot ที่สุดของวงการ Influencer ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากชายที่ชื่อ “บูมธริศ” BoomTharis หรือ “ธริศร ธรณวิกรัย” ซึ่งวันนี้เราได้มีโอกาสมาพูดคุยกับเขาในมุมสบายๆ ถึงเส้นทางชีวิตตั้งแต่ก่อนมาเป็น Youtube Creator ชื่อดัง จนกระทั่งถึงวันนี้ ที่มียอดซัปสไครบน Youtube Channel อยู่ที่ 1.18 ล้านคน และผู้ติดตามใน Facebook 5.9 แสนฟอลโลว์เวอร์ กับภาพลักษณ์ของ “บูมธริศ” กลายเป็นโลโก้ของความ Luxury ไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่เรียบง่าย สุภาพ ออกจะติดขี้อายนิดๆ ด้วย และที่สำคัญคือมีมุมการทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจที่สามารถเป็นข้อแนะนำให้กับทั้ง Influencer และ Brand ได้อีกด้วย มารู้จักตัวตนของ “บูมธริศ” ชายผู้ชักชวนทุกคนมารู้จัก Lifestyle และเรื่องราวรอบตัวของเขานอกเหนือจากความ Luxury เส้นทางเริ่มต้นก่อนเปิด Youtube Channel บูมเล่าว่าจุดเริ่มต้นของเขามาจากการเป็นช่างภาพที่เว็บไซต์ Think of Living.com ก่อน จากนั้นก็เริ่มมาเป็น Editor Content เขียนคอนเทนต์ให้กับเว็บ ก่อนที่จะปรับจากบทความเป็นรูปแบบวิดีโอ โดยทำให้กับ Think of Living.com อยู่ประมาณ 4-5 ปีก่อนจะมาเป็นชาแน...

ฮาคูโฮโดเผย TOP 5 สินค้าที่คนไทยชอบซื้อ พร้อมเผยข้อเสนอแนะต่อนักการตลาด

สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ที่ร่วมมือกับบริษัท สไปซี่ เอช จำกัด ได้ลงพื้นที่สำรวจ และการคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยประจำเดือนตุลาคม 2564 อีกทั้งฮาคูโฮโดยังเผย TOP 5 สินค้าที่คนไทยชอบซื้อ พร้อมคาดการณ์ Consumer Trend ล่าสุดด้วย จากผลสำรวจคาดการณ์เทรนด์ช่วงตุลาคม 2564 พบว่า 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้จ่ายมากที่สุดในช่วงสถานการณ์ล็อกดาวน์ เป็นกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในใช้ชีวิตประจำวันค่ะ เปอร์เซ็นเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 1. อาหาร 31% (+6) 2. สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน 14% (-3) 3. สมาร์ทโฟนและโทรศัพท์มือถือ 10% (-1) 4. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต 7% (+1) 5. เครื่องสำอางและสกินแคร์ 5% ซึ่งแม้อาหารอาจจะดูเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว แต่จากข้อมูลเหมือนคนจะซื้อเพราะ “หาความสุข” ให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับว่ากินแก้เครียด ใช้จ่ายเพื่อลดความเครียดที่ต้องอยู่บ้านหลายเดือน อีกทั้งฮาคูโฮโดยังได้เสนอแนะแก่นักการตลาด โดยได้อ้างอิงจากผลสำรวจที่ผ่านมา เพื่อจะได้นำไปปรับใช้กับแผนการตลาดของตัวเองได้ดังนี้ค่ะ 1. นักการตลาดเตรียมสร้างโอกาสทองจากการ “ช้...

การตลาดที่ดีต้องตามลูกค้าได้ทันเวลาแบบ Real-time By Chipotle

Case study ของ Chipotle ธุรกิจร้านอาหารที่มีฐานลูกค้าหลายสิบล้านด้วยระบบ Customer Data Platform หรือ CDP ของ Microsoft Dynamics 365 ที่จะทำให้นักการตลาดเข้าถึง Customer Insight แบบ 360 องศา เข้าใจลูกค้าแบบรอบด้าน และลึกซึ้งสมกับเป็นการตลาดยุค Marketing 5.0 ที่ Data-Driven Marketing จากที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดส่งผลให้ทั่วโลกต้องล็อกดาวน์ตั้งแต่ปี 2020 แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อทุกแบรนด์แม้แต่ Chipotle เองในช่วงแรก แต่ด้วยการปรับตัวมาใช้ระบบ Customer Data Platfrom อย่าง Customer Insights ของ Microsoft ก็ทำให้พวกเขาสามารถปรับตัวตามลูกค้าได้ทันเวลาแบบ Real-time เพราะเมื่อผู้คนจำนวนมากต้องล็อกดาวน์อยู่แต่บ้าน หรือแม้แต่จะเลิกล็อกดาวน์ไปแล้วก็ยังไม่กลับไปกินหรือซื้ออาหารที่ร้านเหมือนเดิม ถ้าเรารู้ทันเวลาว่าลูกค้ากลุ่มไหนของเราคือกลุ่มที่หายไป เราก็จะสามารถสื่อสารออกไปได้ว่าอาหารของเรานั้นสะอาดปลอดภัย หรือแม้แต่การบอกให้กลุ่มลูกค้าประจำที่หายไปรู้ว่าสามารถสั่งเราแบบ Delivery ไปส่งที่บ้านก็ได้ หรืออาจจะสั่งแล้วแวะไปรับที่ร้าน เพื่อลดการพบปะผู้คนสำหรับคนที่อยากกินแบบร้อนๆ ทำเสร็จใหม่...

Multicultural Marketing จากผลสำรวจของ GOTTABE

การตลาดเชิงความหลากหลายทางวัฒนธรรม (Multicultural Marketing) คือการทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายในด้านวัฒนธรรม, ภาษา, ประเพณี, การเฉลิมฉลอง และแนวคิดอื่นๆ โดยพยายามเปลี่ยนความแตกต่าง, ความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค เมื่อนักการตลาดต้องการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดระหว่างประเทศ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของวัฒนธรรมแต่ละประเทศว่าเป็นอย่างไร จากบทวิเคราะห์ของ 'GOTTABE' ซึ่งเป็นเอเจนซี่ชื่อดังในอังกฤษ พูดว่า ในปัจจุบันแบรนด์ และธุรกิจต่างๆ เห็นความสำคัญของความหลากหลายทางเชื้อชาติ ทางวัฒนธรรมน้อยเกินไป ดังนั้น การตลาดเชิงความหลากหลายทางวัฒนธรรม (Multicultural Marketing) จึงมีความจำเป็นมากขึ้นในปัจจุบัน โดยผลสำรวจของ GOTTABE ระบุว่า มากกว่า 50% ของประชากรต่างถิ่นที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ ให้ความสนใจกับแบรนด์ที่ทำการตลาด และโฟกัสไปที่ความเป็นท้องถิ่นมากกว่าแบรนด์อื่น เช่น แพ็คเกจ, วิธีการสื่อสาร หรือภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร เป็นต้น เพื่อความอยู่รอด นักการตลาดจะต้องก...

Podcast "Thai style marketing"

วันนี้เราจะนำเรื่องราวจาก Podcast มาฝากทุกท่านกันค่ะ ในหัวข้อ "Thai style marketing" แบบผ่อนคลาย คืออย่างไร ? ซึ่งต้องบอกว่าในปี 2020 หรือ 2021 นี้ เป็นปีที่หนักมากๆ เกิดผลกระทบกับทุกฝ่าย ทำให้ทุกท่านเกิดความเครียดต่อตนเองขึ้น ซึ่งความเครียดและความกังวลนั้นแบ่งได้เป็น 2 part คือ - ความกังวล หรือความเครียดที่มาจากสถานการณ์ปัจจุบัน - ความกังวลที่เกิดจากความไม่แน่นอนของวันพรุ่งนี้ หรืออนาคต ดังนั้นจึงเป็นที่มาของเรื่องในวันนี้ เกี่ยวกับการตลาดของการผ่อนคลาย ในยุคที่ทุกคนมีความเครียดและความกังวล ทั้งในเรื่องหน้าที่การงาน สภาวะเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งต้องยอมรับว่าความเครียดของคนในอดีตกับปัจจุบันนั้นแตกต่างกันมาก แล้วแบรนด์จะเข้าไปมีส่วนได้อย่างไร ใช้จังหวะไหนในการสื่อสาร ลองมาติดตามกันค่ะ โอกาสของ “แบรนด์ – นักการตลาด” เรื่องของความเครียดก็ถือว่าเป็นโอกาสให้กับนักการตลาด และแบรนด์ได้ด้วย เพราะเมื่อคนเริ่มเครียด ก็ต้องหาอะไรทำ หรือหาทางระบายความเครียดของตัวเอง ซึ่งหลักของการปลดปล่อยของคนก็คือ “การใช้จ่าย” นั่นเองที่เห็นเป็นส่วนใหญ่ การใช้เงินก็เหมือนเป็นวิธีในการปล่อยคว...