
การเขียน SEO Content จะทำให้บทความของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยให้บทความของคุณติดอันดับบน Google ทำให้มีคนค้นหาเว็บไซต์ และบทความของคุณเจอเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกันค่ะ ว่าควรต้องทำอย่างไรบ้าง ?
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก่อนอื่นเราต้องดูว่าประเด็นที่เราจะเขียนนั้นคืออะไร เราสามารถนำประเด็นนั้นมาเป็น Keyword ตั้งต้นได้ เช่น การตลาดวันละตอนจะเขียนเรื่อง กลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ Keyword ที่เหมาะสมก็คือ กลยุทธ์การตลาด หรือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เป็นต้น
ปกติแล้ว SEO Content จะมีความยาวโดยประมาณอยู่ที่ 700-1,000 คำ ซึ่งปริมาณ Keyword ที่แทรกอยู่ในส่วนต่างๆ ของเนื้อหานั้น ก็ควรอยู่ที่ประมาณ 15-20 คำ
โดยตำแหน่งที่เราแนะนำให้แทรก Keyword เข้าไปก็คือ
– ชื่อบทความ
– Slug หรือชื่อลิงก์ของบทความ
– ย่อหน้าแรก
– หัวข้อต่างๆ (แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกหัวข้อ)
– ชื่อภาพ และ Alt Text ของภาพ
โดยให้หัวข้อหลักเป็น H1 หัวข้อย่อยเป็น H2 และ H3 ตามลำดับความสำคัญ
ส่วนการใส่ External Link นั้นเป็นการลิงก์ไปหาเว็บไซต์อื่นภายนอก ยิ่งเป็นการลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพไปด้วย
1. กำหนด Keyword
สำหรับการเขียน SEO Content นั้นต้องมีการกำหนด Keyword ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบทความที่เราเขียน โดยต้องวิเคราะห์ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะมาอ่านบทความของเราเป็นใคร และเขาจะใช้ Keyword อะไรในการค้นหา และอย่าลืมว่า Keyword มี่เราเลือกใช้ต้องมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ประมาณหนึ่งด้วยยกตัวอย่างง่ายๆ ก่อนอื่นเราต้องดูว่าประเด็นที่เราจะเขียนนั้นคืออะไร เราสามารถนำประเด็นนั้นมาเป็น Keyword ตั้งต้นได้ เช่น การตลาดวันละตอนจะเขียนเรื่อง กลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ Keyword ที่เหมาะสมก็คือ กลยุทธ์การตลาด หรือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เป็นต้น
2. ใส่ Keyword ให้ถูกตำแหน่ง
การใส่ Keyword ควรแทรกให้กระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ของบทความ แต่ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราเป็นพวกสแปมคีย์เวิร์ดได้ปกติแล้ว SEO Content จะมีความยาวโดยประมาณอยู่ที่ 700-1,000 คำ ซึ่งปริมาณ Keyword ที่แทรกอยู่ในส่วนต่างๆ ของเนื้อหานั้น ก็ควรอยู่ที่ประมาณ 15-20 คำ
โดยตำแหน่งที่เราแนะนำให้แทรก Keyword เข้าไปก็คือ
– ชื่อบทความ
– Slug หรือชื่อลิงก์ของบทความ
– ย่อหน้าแรก
– หัวข้อต่างๆ (แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกหัวข้อ)
– ชื่อภาพ และ Alt Text ของภาพ
3. วางโครงสร้างบทความให้ชัดเจน
การวางโครงสร้างบทความนั้นจะช่วยให้เราจับประเด็นในการเขียน และเรียงลำดับความสำคัญได้ดีขึ้น แถมยังทำให้ผู้อ่านอ่านง่ายสบายตาขึ้นอีกด้วยโดยให้หัวข้อหลักเป็น H1 หัวข้อย่อยเป็น H2 และ H3 ตามลำดับความสำคัญ
4. อย่าลืม Internal Link และ External Link
การใส่ Internal Link (ลิงก์ภายในเว็บไซต์) เพื่อให้สามารถคลิกไปอ่านบทความ หรือหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์ จะสามารถช่วยเพิ่ม Traffic และ ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมีความเชื่อมโยงกันส่วนการใส่ External Link นั้นเป็นการลิงก์ไปหาเว็บไซต์อื่นภายนอก ยิ่งเป็นการลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพไปด้วย
5. ปรับแต่ง Title Tag และ Title Description
การทำ SEO Content นอกจากส่วนของบทความแล้วก็มีส่วนการปรับแต่ง Title Tag และ Title Description นี่แหละที่ลืมไม่ได้Title Tag
สำหรับ Title Tag ควรต้องมี Keyword อยู่ด้วย ซึ่งเราสามารถนำชื่อบทความมาใช้ได้เลย แต่หากชื่อบทความยาวเกินไปก็อาจตัดทอนให้สั้นลง โดยยังคงความหมายเดิมไว้ ซึ่งจำนวนคำที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ 60-80 ตัวอักษรTitle Description
ส่วน Title Description นั้นจะเป็นเหมือนคำอธิบายบทความสั้นๆ ว่าบทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยในส่วนนี้ก็ควรจะแทรก Keyword ไปด้วยเช่นกัน โดยจำนวนคำที่เหมาะสมสำหรับ Title Description จะอยู่ที่ 180 – 250 ตัวอักษรที่มา:,SEO WINNER
หางาน ลำปาง BESTJOBTH เป็นบริษัทจัดหางานลำดับต้นๆ บริหารงานด้วยความรวดเร็ว แต่ถูกต้องและแม่นยำ เว็บไซต์เราได้รวบรวมงานที่หลากหลาย ครบทุกตำแหน่งงาน ตำแหน่งงานใหม่ สำหรับผู้ต้องการหางาน สมัครงาน สมัครงานบริษัท เรามีงานทุกสายอาชีพ งานจากบริษัทชั้นนำที่รับสมัครงานทั้งงานในประเทศและงานต่างประเทศ ทีมงานอัปเดทตำแหน่งใหม่ทุกวัน นับได้ว่าเป็นเว็บหางานที่ครบครัน พร้อมเสิร์ฟงานหลากหลายตำแหน่ง สำหรับผู้ที่ต้องการหางานพาร์มไทม์ และงาน Full-time
ตอบลบรับลงสินค้า Shopee การตลาดปัง ยอดขายแน่น! พร้อมเปิดโลกกว้างไปกับ Shopee
ตอบลบ