ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO”

เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO”

เป้าหมายสูงสุดของการสร้างแคมเปญโฆษณาสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ ก็คือ การที่จะทำให้ลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อสินค้าของเราได้ทันที ซึ่งการเขียน Copywriting หรือการเขียนโฆษณาที่ดี เป็นอีกวิธีการที่จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้

และถ้าหากคุณกำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้ ที่เขียน Copywriting ยังไงก็ไม่มีคนอ่าน มีคนอ่าน แต่ไม่มีคนซื้อ ไม่ส่งผลให้เกิดยอดขายได้ เราจึงนำบทความในวันนี้มาแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ทุกคนกันค่ะ นั่นก็คือ การเขียนข้อความดึงดูดให้คนตัดสินใจ “ซื้อ” ได้ง่ายมากขึ้น จากเทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO” ค่ะ

FOMO คืออะไร? “FOMO” ย่อมาจาก “Fear of Missing Out” หรือความรู้สึกกลัว อาการของคนที่กลัวว่าจะพลาดบางสิ่งบางอย่างไป และจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะความกลัวเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ แต่ความกลัวในรูปแบบนี้เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อ social media เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน

FOMO เป็นจิตวิทยาที่สามารถทำให้ผู้คนตัดสินใจทำบางสิ่งเช่น ซื้อสินค้า ลงทะเบียน หรือคลิก ในช่วงขณะนั้นได้ ในแง่ธุรกิจ SMEs ก็สามารถที่จะใช้ประโยชน์จาก FOMO ในการทำการตลาดดิจิทัลได้เช่นกัน โดยการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ต้องการพลาด หรือปล่อยให้โอกาสให้หลุดมือไป เราจะเห็นไวรัลแคมเปญต่างๆ ที่มักจะกระตุ้นให้ลูกค้าเห็นว่าคนรอบตัวซื้อสินค้านี้แล้วตนเองก็ต้องซื้อด้วย

เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO” มีทั้งหมด 9 ข้อ มาดูกันเลยค่ะ

1.ใช้เงื่อนไขเรื่องเวลา


การตั้งเงื่อนไขเรื่องของเวลาสามารถกระตุ้นการตัดสินใจด้วยความกดดันภายใต้เวลาที่กำหนดได้ การจัดแคมเปญต่างๆ จำเป็นที่จะต้องกำหนดเรื่องของเวลาจริงๆ ห้ามต่อระยะเวลาเด็ดขาด เพราะลูกค้าจะคิดว่าเป็นการหลอกลวง อาจส่งผลต่อเสียชื่อเสียงของแบรนด์ได้ เช่น มอบส่วนลด 20% หากสั่งซื้อภายใน 48 ชั่วโมง หรือจัดส่งฟรีในเดือนนี้เท่านั้น พอหมดเวลา ข้อเสนอก็จะหมดไปทันที

2. พลังของ Influencers


คำพูดของผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดในโลกโซเชียลสามารถกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี การใช้ Influencers จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Instagram นอกจากนี้ยังสามารถนำคำพูดของ Influencers ไปใช้ในช่องทางอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น เอาไปใช้ในหน้า Page หรือ ในคลิป video โปรโมท และอื่นๆ

3. เสียงตอบรับหรือรีวิวจากลูกค้า และข้อมูลทางวิชาการ


ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด แต่ต้องนำไปใช้ในเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะใช้ช่วง the bottom of the funnel เพราะลูกค้าค่อนข้างพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อ ในสถานการณ์ที่มีการแย่งกันซื้อสินค้าหรือของกำลังจะหมด สถานการณ์เหล่านี้มีนัยว่ามีบางสิ่งเป็นที่นิยมชมชอบของคนอื่น ๆ ถ้าไม่เลือกรีบซื้ออาจพลาดสิ่งดี ๆ ไปก็ได้ สิ่งนี้สามารถกระตุ้น FOMO ได้ดีทีเดียว

4. ขายสินค้าหรือบริการแบบควบรวม


การจัดแพ็ครวมสินค้าหรือบริการได้รับความนิยมมากในหลายธุรกิจ เช่น การขายพ่วงในธุรกิจโทรคมนาคม บริการอินเทอร์เน็ต รวมถึงบริการทีวีแบบรับสมาชิกหรือ Cable TV หรือการเสนอให้ลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต หรือสินเชื่อสวนบุคคล ควบคู่กับการขายหน่วยลงทุนหรือประกันภัยของธุรกิจธนาคาร การจัดแคมเปญขายสินค้าในลักษณะควบรวม ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายน้อยลงกว่าเดิม และยังสามารถนำกลยุทธ์เรื่องของเวลาเข้ามาใช้ร่วมด้วยก็ได้

5. ภาษากระตุ้นยอดขาย


ภาษามีความสำคัญอย่างมาก ในการสร้างความรู้สึกต่อ FOMO เมื่อต้องการให้ลูกค้ารู้สึกว่าเวลากำลังจะหมดไปและกำลังจะสูญเสียข้อเสนอที่น่าสนใจ อาจใช้คำที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกได้ เช่น อย่าพลาด ของมีจำนวนจำกัด ทุกชิ้นราคาเดียว โอกาสทองใกล้หมดแล้ว ลดสุดขีด ลดล้างสต๊อค ฯลฯ เป้าหมายคือการส่งสารว่าหากลูกค้าไม่ทำอะไรตอนนี้ พวกเขาจะเสียใจกับการตัดสินใจนั้น

6. กระจายช่องทางเผยแพร่ การตลาดแบบ FOMO ไม่ได้เพียงแค่ส่งเสริมการขาย


ยังมีประโยชน์ในการสร้างแบรนด์ได้อีกด้วยโดยเฉพาะหากใช้วิธีการหลอมรวมช่องทางการสื่อสาร แบบ omnichannel เช่น ส่งอีเมลเพื่อโปรโมตช่องทางพอดคาสต์ โดยมีโปรโมชั่นพิเศษในพอดคาสต์เท่านั้น ไม่สามารถเห็นได้จากที่อื่น การเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ กัน จะช่วยสร้างผู้ติดตาม ในหลายช่องทาง และช่วยสร้างการจดจำแบรนด์และความภักดีได้อีกด้วย

7. ข่าวสารเฉพาะกับกลุ่ม


ใครว่าลีดต้องเป็นแค่ลีดตลอดไป เราสามารถเปลี่ยนพวกเขาได้ ด้วยการเสนอคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ให้แก่กลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นลูกค้า แต่เป็นการให้ในจำนวนจำกัด แม้ต้องการใช้การตลาดแบบ FOMO เพื่อสร้างลีดมากกว่าการขาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจออกมาเหมือนกันได้

8. เสียงจาก UGC


แม้ว่าการรีวิว เสียงตอบรับ Influencers หรือสิ่งที่เรียกว่า social proof จะมีอิทธิพลต่อลูกค้าหรือผู้บริโภค แต่ก็ไม่ควรมองข้ามกลุ่มผู้ติดตามที่ยินดีสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์ ของคุณหรือที่เรียกว่า UGC (User Generated Content) ผู้ติดตามเหล่านี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า หรือไกลกับลูกค้าเหมือนดาราและ Influencers ตรงกันข้ามพวกเขาใกล้ชิดเป็นเพื่อน หรือคนในครอบครัวเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเสียงของผู้ติดตามเหล่านี้มีความน้ำหนักอย่างมากต่อความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย สามารถนำไปใช้เพื่อการตลาดแบบ FOMO ได้เช่นกัน

9. ใช้ Pop-Up คูปอง


อีกหนึ่งวิธีที่ดีในการสร้าง FOMO ให้กับผู้คนคือการใช้คูปองแบบ Pop-Up ที่จะให้โอกาสแค่ครั้งเดียว ซึ่งอาจเป็นการให้ส่วนลดหรือมอบสิทธิพิเศษอื่น ๆ ป๊อปอัปคูปองมักจะปรากฏขึ้น เมื่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณกำลังปิดแท็บหรือหน้าต่างเบราว์เซอร์ ไม่ควรพลาดที่จะใช้วิธีนี้ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้รู้ว่าพวกเขาได้รับโอกาสที่ดีแล้ว

FOMO marketing จะใช้ได้ผลจริงจำเป็นต้องกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเร่งตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากวางแผนโปรโมทดี ๆ กลยุทธ์ FOMO จะช่วยการขายได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ



ที่มา: SEO WINNER 



ความคิดเห็น

  1. หางาน เพชรบูรณ์ BESTJOBTH เป็นบริษัทจัดหางานอันดับต้นๆ บริหารงานด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำ โดยเว็บไซต์เราได้รวบรวมงานที่หลากหลาย มีงานทุกสายอาชีพ ครบทุกตำแหน่งงาน สำหรับผู้ที่ต้องการหางาน สามารถลงทะเบียนสมัครงานบริษัทได้ฟรี หางานที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ววันนี้ ทั้งในจังหวัดและบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ

    ตอบลบ
  2. หางาน สระแก้ว BESTJOBTH เป็นบริษัทจัดหางานอันดับต้นๆ บริหารงานด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำ โดยเว็บไซต์เราได้รวบรวมงานที่หลากหลาย มีงานทุกสายอาชีพ ครบทุกตำแหน่งงาน สำหรับผู้ที่ต้องการหางาน สามารถลงทะเบียนสมัครงานบริษัทได้ฟรี หางานที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ววันนี้ ทั้งในจังหวัดและบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เช็กกันหรือยัง? Top 5 เทรนด์ SEO ในปี 2022

  เราต่างทราบกันดีว่า Search Engine Optimization หรือที่เรียกกันติดปากว่า SEO นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามายังแพลตฟอร์มออนไลน์ของเรา สิ่งหนึ่งที่คนทำ SEO รู้ดีคือ SEO มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราจำเป็นต้องติดตามเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ของเรามีประสิทธิภาพมากพอ เพราะกลยุทธ์ที่เก่ากว่าไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลในปัจจุบันเท่านั้น แต่กลยุทธ์ที่ล้าสมัยบางอย่าง เช่น การใช้คำหลักมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อ SEO ด้วยซ้ำ สิ่งนี้ทำให้เราจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ SEO ให้เข้ากับแนวโน้มล่าสุดอย่างต่อเนื่อง หากสงสัยว่าแนวโน้ม SEO ที่จะมีผลกระทบมากที่สุดในปี 2022 มีอะไรบ้าง ตามมาเลยค่ะ! 1. ปัญญาประดิษฐ์จะมีบทบาทมากขึ้นใน SEO ในขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนโต้ตอบกับเนื้อหาออนไลน์ AI ก็จะเริ่มมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ SEO ด้วยเช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ AI algorithm RankBrain ของ Google เนื่องจากสิ่งนี้อาจกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยการจัดอันดับที่สำคัญที่สุดของ Google (search engine results pages) ในปี 2022 เพราะตั...

BoomTharis เผยความท้าทายการทำ VDO Content

  นาทีนี้ต้องบอกว่าเขาคือชายหนุ่มที่ Hot ที่สุดของวงการ Influencer ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากชายที่ชื่อ “บูมธริศ” BoomTharis หรือ “ธริศร ธรณวิกรัย” ซึ่งวันนี้เราได้มีโอกาสมาพูดคุยกับเขาในมุมสบายๆ ถึงเส้นทางชีวิตตั้งแต่ก่อนมาเป็น Youtube Creator ชื่อดัง จนกระทั่งถึงวันนี้ ที่มียอดซัปสไครบน Youtube Channel อยู่ที่ 1.18 ล้านคน และผู้ติดตามใน Facebook 5.9 แสนฟอลโลว์เวอร์ กับภาพลักษณ์ของ “บูมธริศ” กลายเป็นโลโก้ของความ Luxury ไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่เรียบง่าย สุภาพ ออกจะติดขี้อายนิดๆ ด้วย และที่สำคัญคือมีมุมการทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจที่สามารถเป็นข้อแนะนำให้กับทั้ง Influencer และ Brand ได้อีกด้วย มารู้จักตัวตนของ “บูมธริศ” ชายผู้ชักชวนทุกคนมารู้จัก Lifestyle และเรื่องราวรอบตัวของเขานอกเหนือจากความ Luxury เส้นทางเริ่มต้นก่อนเปิด Youtube Channel บูมเล่าว่าจุดเริ่มต้นของเขามาจากการเป็นช่างภาพที่เว็บไซต์ Think of Living.com ก่อน จากนั้นก็เริ่มมาเป็น Editor Content เขียนคอนเทนต์ให้กับเว็บ ก่อนที่จะปรับจากบทความเป็นรูปแบบวิดีโอ โดยทำให้กับ Think of Living.com อยู่ประมาณ 4-5 ปีก่อนจะมาเป็นชาแน...

จะทำอย่างไร เมื่อเจอปัญหาเว็บไซต์ไม่ติด Google

ปัญหาเว็บไซต์ไม่ติด Google ถือว่าเป็นปัญหาที่พบเจอกันบ่อยมากที่สุด โดยเฉพาะเจ้าของกิจการที่ได้ขยายธุรกิจมาขายของบนออนไลน์ ได้พบว่าเว็บของเราไม่สามารถทำอันดับที่ดีบน Google ได้เลย ถึงแม้ว่าจะทำการซื้อโฆษณา หรือทำ SEO แล้ว แต่ก็ยังไม่ติดอันดับ ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า ปัญหาเหล่านี้มีอะไรบ้าง และจะแก้ไขได้อย่างไร เว็บไซต์นิ่ง โหลดช้า ถ้าหากหัวข้อ หรือลิงก์ในหน้าเว็บไซต์ของคุณมีการกดเข้าไปแล้ว แต่กลับไปต่อไม่ได้ หรือโหลดช้า ไม่ว่าจะเพราะใช้ภาพใหญ่เกินไป ทำกราฟฟิกมากเกินไปก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาด้านเทคนิคที่ต้องตระหนักเป็นอันดับแรกสุดเสมอ ดังนั้นเว็บที่เน้นการเข้าถึงง่าย เพื่อขายสินค้า และบริการเป็นหลัก ควรต้องระวังในเรื่องนี้อย่างมาก ขาด Keywords ที่จำเป็น เนื่องจากโครงสร้าง SEO Content นั้น หัวใจสำคัญคือต้องมี Focus Keyword ซึ่งถือว่าเป็น "คำหลัก" เลย เป็นการค้นหาที่ Google ต้องการมากที่สุด ถ้าหากเราขาดตรงนี้ หรือมีไม่มากพอใน Content นั้นๆ การค้นหาก็จะทำได้ยาก สิ่งที่ควรมีก็คือความชัดเจน เพื่อบอกว่าเว็บของเราเกี่ยวกับอะไร ทำอะไร และขายอะไร อาจจะมีหลายครั้งที่ Content ของเว็บเร...